พาณิชย์ ชี้ส่งออกยางพาราปี 65 ยังโตฝ่าวิกฤติได้ แม้เผชิญปัจจัยลบศก.โลก
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 08 พฤษภาคม 2024 เวลา 01:24:06 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ท่านที่มีกระทู้เยอะ เวลาอัพยกแผงทำให้กระทู้ท่านอื่นตกเร็วมากต่อไปให้อัพ ไม่เกินชั่วโมงละ 2ครั้ง/2กระทู้ นะครับ ชม.ถัดไปถึงอัพใด้อีก 2ครั้ง/2กระทู้
หากต้องการอัพแบบไม่จำกัด
คลิกที่นี่
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พาณิชย์ ชี้ส่งออกยางพาราปี 65 ยังโตฝ่าวิกฤติได้ แม้เผชิญปัจจัยลบศก.โลก  (อ่าน 52 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kaidee20
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12137


« เมื่อ: วันที่ 09 เมษายน 2022 เวลา 02:55:34 »


พาณิชย์ ชี้ส่งออกยางพาราปี 65 ยังโตฝ่าวิกฤติได้ แม้เผชิญปัจจัยลบศก.โลก

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการศึกษาการส่งออกยางพาราของไทย ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์จากยางพาราสู่ตลาดต่างประเทศ

สำหรับยางพารา เป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับที่ 2 ของไทย รองจากผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง โดยมีมูลค่าส่งออกในปี 64 อยู่ที่ 175,978 ล้านบาท เติบโต 61.6% ตลาดส่งออกที่สำคัญ คือประเทศจีน มีสัดส่วน 35.3% มาเลเซีย มีสัดส่วน 14.4% สหรัฐฯ มีสัดส่วน 8.3% ญี่ปุ่น มีสัดส่วน 7.6% และเกาหลีใต้ มีสัดส่วน 4.0% โดยในปี 64 มีการส่งออกสินค้าในรูปของยางแท่ง น้ำยางข้น และยางแผ่นดิบ โดยมีอัตราการเติบโตที่ 88.3% 24.1% และ 74.5% ตามลำดับ

ในส่วนของสถิติการส่งออกสินค้ายางพาราไทย ปี 64 ชี้ให้เห็นถึงการขยายตัว และนับเป็นปีทองของยางพาราไทย โดยปัจจัยสำคัญของการเติบโต มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ

1. ความต้องการในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการสินค้าป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะถุงมือยาง เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก

2. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากการเดินทางโดยใช้รถสาธารณะ หันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาด ทำให้ความต้องการยางยานพาหนะเพิ่มขึ้น การใช้ยางจึงเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

3. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 64 ส่งผลให้ความต้องการวัตถุดิบยางพาราในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ สนค. คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 65 การส่งออกยางพาราของไทยจะยังเติบโตเป็นบวก แม้ว่าจะเผชิญความท้าทายในหลายปัจจัย อาทิ แนวโน้มการระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มลดลง และสต็อกถุงมือยางที่อยู่ในมือของผู้นำเข้ายังอยู่ในปริมาณสูง

อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกยางพาราของไทยยังคงมีปัจจัยบวก เนื่องจาก 1. ปริมาณน้ำยางในช่วงต้นปีของมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกหมดแล้ว 2. ผลผลิตยางพาราในอินโดนีเซียประสบปัญหาโรคใบร่วง ทำให้อุปทานสู่ตลาดโลกลดลง และ 3.การเติบโตของตลาดรถยนต์ในสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการยางทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น จึงคาดว่าปัจจัยเหล่านี้ จะช่วยให้การส่งออกยางพาราของไทยขยายตัวได้ดีในครึ่งปีแรกของปี 65

นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาส่งออกยางพาราในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยราคา F.O.B ยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 ณ วันที่ 30 มี.ค. 65 ราคา กก. ละ 76.95 บาท เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปี 64 ที่ กก. ละ 65.34 บาท ซึ่งส่งผลบวกต่อมูลค่าการส่งออกยางพาราของไทย

สนค. ได้ประเมินตลาดศักยภาพในการส่งออกสินค้ายางพาราในแต่ละหมวด โดยพิจารณาจากลักษณะความต้องการสินค้า อัตราการเติบโตในปี 64 และส่วนแบ่งในแต่ละตลาด ดังนี้

น้ำยางข้น เป็นวัตถุดิบในการผลิตถุงมือยาง ถุงมือทางการแพทย์ ถุงยางอนามัย ท่อยาง สายยาง กาวยาง และอุปกรณ์ยางที่ใช้ในทางการแพทย์ โดยมีตลาดศักยภาพ คือ มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และบราซิล
ยางแผ่นดิบ เป็นวัตถุดิบขั้นกลางในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง และเป็นชนิดของยางที่มีการผลิตมากที่สุดของไทย โดยตลาดสำคัญที่มีศักยภาพ คือ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ บราซิล และสเปน
ยางแท่ง ผลิตจากยางแผ่นดิบ และน้ำยางข้น เป็นวัตถุดิบขั้นกลางที่ใช้ในการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ยางประเภทต่างๆ มีตลาดสำคัญที่มีศักยภาพ คือ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และไต้หวัน
นายรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดนโยบาย "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" เพื่อผลักดันและส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ โดยไตรมาสแรกของปี 65 ในส่วนของสินค้ายางพารา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภาคใต้ 7 จังหวัด ดำเนินการจับคู่เจรจาธุรกิจสินค้ายางพารา ภายใต้กิจกรรม OBM RUBBER SMART CONNECT เมื่อวันที่ 23-24 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าการซื้อขายภายใน 1 ปี จะมีมูลค่า 220.10 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 64 มูลค่าซื้อขายสินค้าผลิตภัณฑ์ยางพารา ได้แก่ ถุงมือยาง ยางรถบรรทุก จากการจับคู่เจรจาธุรกิจ มีมูลค่ารวม 170.73 ล้านบาท

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF