KTB ชี้ธุรกิจฝึกอบรมช่วยยกระดับศักยภาพแรงงาน หนุนศก.ไทยโตอย่างยั่งยืน
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 20 พฤษภาคม 2024 เวลา 05:10:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: หากสมาชิกท่านใดเข้ามาป่วนเว็บ หรือ ก่อกวนกระทู้บุคคลอื่น หรือ โพสข้อมูล รูปภาพ ที่ผิดต่อกฏกติกา มารยาทอันดีงามของสังคมของเรา
ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองแบบเลือกสีเลือกฝ่าย ผู้ดูแลจะพิจารณาลบข้อมูล และลบ User ท่านออกโดยขออนุญาตไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: KTB ชี้ธุรกิจฝึกอบรมช่วยยกระดับศักยภาพแรงงาน หนุนศก.ไทยโตอย่างยั่งยืน  (อ่าน 90 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Beer625
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15918


« เมื่อ: วันที่ 12 มีนาคม 2022 เวลา 01:43:10 »


KTB ชี้ธุรกิจฝึกอบรมช่วยยกระดับศักยภาพแรงงาน หนุนศก.ไทยโตอย่างยั่งยืน

นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ช่องว่างด้านบุคลากรของไทย เป็นปัญหาทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ กล่าวคือ ไทยยังขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะที่จำเป็นต่อโลกอนาคตหลายด้าน เช่น ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล, ด้าน Data Analytic, ด้านการสื่อสารภาษาต่างประเทศ เป็นต้น อีกทั้งประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นของไทย ทำให้สัดส่วนกำลังแรงงานลดลง ยิ่งกดดันให้ต้องการ productivity จากแรงงานสูงขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้หล่อเลี้ยงประชากรที่มีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจฝึกอบรมพัฒนาทักษะบุคลากร (Corporate training) จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยติดอาวุธทางปัญญา และแก้ปัญหานี้ได้ โดยปัจจุบันธุรกิจนี้มีผู้ประกอบการอยู่ประมาณ 5,100 ราย มูลค่าตลาดประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก คาดว่าจะแตะระดับ 60,800 ล้านบาท ภายในปี 70 หรือเติบโตเฉลี่ยถึง 26.4% ต่อปี

อย่างไรก็ดี เมกะเทรนด์ที่สำคัญของโลกหลายด้าน จะสร้างโอกาสให้กับธุรกิจฝึกอบรมเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาบุคลากรในโลกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของเทคโนโลยีในกลุ่มดิจิทัล ที่ถูกนำมาปรับใช้ในภาคธุรกิจมากขึ้น กระแส Green economy ที่จะนำมาสู่การจ้างงานในกลุ่ม green jobs เช่น ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานทดแทนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านตำแหน่งทั่วโลกภายในปี 93 อีกทั้งการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Environment Social and Governance จะทำให้ภาคธุรกิจต้องพัฒนาคนให้มีความเข้าใจในหลักการ ESG ด้วย

"อายุขัยประชากรที่เพิ่มขึ้น และการเข้าสู่สังคมสูงวัย ยิ่งตอกย้ำให้เราต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เราเริ่มเห็นองค์กรธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย เพิ่มเม็ดเงินการลงทุนพัฒนาบุคลากรมากขึ้น ซึ่งได้นำไปสู่การยกระดับผลการดำเนินงานของภาคธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมของธุรกิจ ทั้งด้านการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กร" นายพชรพจน์ กล่าว
ด้านนายกิตติศักดิ์ กวีกิจมณี นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวเสริมว่า แม้จะมีโอกาสที่มากขึ้น แต่ธุรกิจ Corporate training เองก็จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการพัฒนาทักษะที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น โดยคำนึงถึงพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไปในยุค New Normal เร่งแสวงหาความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์ภายนอก และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ปัญญาประดิษฐ์, Virtual Reality หรือ Augmented Reality เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

"เราเริ่มเห็นธุรกิจ Corporate training ใช้วิธีการที่หลากหลายและทันสมัยในการส่งมอบบริการฝึกอบรม เช่น การจัด Bootcamp สำหรับสร้างโปรแกรมเมอร์ การจำลองสถานการณ์ หรือ simulation เพื่อฝึกฝนพนักงานขายให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ โดยผู้ให้บริการฝึกอบรมควรให้ความสำคัญกับความรู้ และทักษะแห่งโลกอนาคต ที่สอดคล้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศที่รัฐบาลให้การสนับสนุน" นายกิตติศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแต่เฉพาะความรู้เชิงเทคนิคที่เกี่ยวกับงานเท่านั้น แต่รวมถึง soft skill ที่จำเป็นต่อการทำงานแห่งโลกยุคใหม่ด้วย เช่น creativity and innovation, leadership, collaboration เป็นต้น

ทั้งนี้ ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์กลุ่มต่างๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาหรือด้านเทคโนโลยี จะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับ Corporate training ในการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ผู้เรียนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้บุคลากรในภาคธุรกิจมีความพร้อมรับมือกับงานแห่งโลกอนาคต ช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปให้เข้มแข็ง และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน หลังวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF