“อาคม” ไม่ลดภาษีน้ำมัน ชี้ใช้กลไกกองทุนฯ พยุงราคา ไม่พอ! กู้เพิ่ม!
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 11 พฤษภาคม 2024 เวลา 11:32:24 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ท่านที่มีกระทู้เยอะ เวลาอัพยกแผงทำให้กระทู้ท่านอื่นตกเร็วมากต่อไปให้อัพ ไม่เกินชั่วโมงละ 2ครั้ง/2กระทู้ นะครับ ชม.ถัดไปถึงอัพใด้อีก 2ครั้ง/2กระทู้
หากต้องการอัพแบบไม่จำกัด
คลิกที่นี่
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “อาคม” ไม่ลดภาษีน้ำมัน ชี้ใช้กลไกกองทุนฯ พยุงราคา ไม่พอ! กู้เพิ่ม!  (อ่าน 177 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Joe524
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12142


« เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2021 เวลา 22:15:41 »


“อาคม” ย้ำไม่ลดภาษีน้ำมัน เหตุยังมีกลไกกองทุนน้ำมันฯ ดูแล ล่าสุด ครม. ขยายกรอบให้กู้เพิ่มเป็น 30,000 ล้านใช้พยุงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ชี้หากเงินกองทุนฯไม่พอขยายเพดานกู้เพิ่มได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงนั้น ขณะนี้รัฐบาลได้ใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรแล้ว ซึ่งเป็นไปตามบทบาทของกองทุนน้ำมันฯ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อให้รักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันเป็นหลัก โดยที่ผ่านมาก็ได้ยืดหยุ่นการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันตามสถานการณ์

 

“จะลดภาษีหรือไม่ ต้องดูกำลังของกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งขณะนี้กองทุนน้ำมันฯยังมีกำลังในการดูแลราคาได้ และล่าสุด ครม. ก็อนุมัติขยายกรอบการกู้เงินเป็น 30,000 ล้านบาทเพื่อให้สามารถเข้าไปดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งหากกู้เงินเต็มเพดานแล้ว แต่สถานการณ์ราคายังไม่ดีขึ้น ก็ยังขยายเพดานได้” นายอาคม กล่าว


นายอาคม กล่าวอีกว่า ในช่วงปลายปี จะเป็นช่วงปกติที่ราคามันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว และล่าสุดอเมริกาก็เริ่มทยอยนำน้ำมันในคลังมาใช้ ซึ่งจะช่วยทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงได้

 

นอกจากนี้หลายๆ ประเทศ เริ่มมีนโยบายมุ่งใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น เพื่อลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล ซึ่งไทยก็มีนโยบายในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และจะมีความชัดเจนของนโยบายมากขึ้นในต้นปี 65 ขณะที่ค่าเงินบาทต้องยอมรับว่าไม่ว่าจะอ่อนค่าหรือแข็งค่า ก็จะมีทั้งผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF