ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.65 ระหว่างวันอ่อนค่า ก่อนกลับมาแข็งค่าช่วงบ่าย จับตาตัวเลขสหรัฐคืนนี?
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 16 พฤษภาคม 2024 เวลา 07:04:59 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ห้ามโพสปั่นลิงก์ SEO ในส่วนของ ลายเซ็นสมาชิกเพื่อจะแสดงที่ด้านล่าง ของแต่ละข้อความที่ตอบกระทู้ เช่น คาสิโน บาคาร่า แทงบอล ฯลฯ เด็ดขาด
หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.65 ระหว่างวันอ่อนค่า ก่อนกลับมาแข็งค่าช่วงบ่าย จับตาตัวเลขสหรัฐคืนนี?  (อ่าน 58 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
luktan1479
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13076


« เมื่อ: วันที่ 25 มีนาคม 2022 เวลา 15:44:27 »


ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.65 ระหว่างวันอ่อนค่า ก่อนกลับมาแข็งค่าช่วงบ่าย จับตาตัวเลขสหรัฐคืนนี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.65 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าอยู่ที่ระดับ 33.66 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.57 - 33.72 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทาง ตลาดโลก ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม

"ช่วงเช้าบาทอ่อนค่าตามตลาดโลกจนขึ้นไปแตะ 33.70 ก็เริ่มย่อลงมา ช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.55 - 33.80 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดติดตาม กรณีมีข่าวกลุ่มสหภาพยุโรปจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย คืนนี้มีการประกาศตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสปดาห์ของสหรัฐ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 121.60 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 121.09 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0992 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1007 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,680.89 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด, +0.18% มูลค่าการซื้อขาย ล้านบาท
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,701.85 ลบ.(SET+MAI)
สภาพัฒน์ ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 2 ช่องทาง
หลัก คือ 1.ผลกระทบต่อเงินเฟ้อ โดยกรณีที่ราคาน้ามันดิบดูไบเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล จะทำให้อัตราเงินเฟ้อของ
ไทยในปี 65 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 5% และ 2.ผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากแนวโน้มการลดลงของนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป
ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย
กระทรวงพาณิชย์ เผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ก.พ.65 การส่งออกมีมูลค่า 23,483.1 ล้านดอลลาร์
ขยายตัว 16.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ 10-11% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 23,359.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.8% ส่งผลให้ไทยเกิน
ดุลการค้า 123.3 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.65) มีมูลค่ารวม 44,741.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น
12.2% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 47,144.8 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 2,403.1 ล้านดอลลาร์
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 1/65 (ม.ค.-มี.ค.65) ขยายตัว
4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 ซึ่งมีทิศทางเป็นบวกต่อเนื่องจากไตรมาส 4/64 (ต.ค.-ธ.ค.64) ที่ขยายตัว 0.7%
รมว.คลัง ยอมรับว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีประโยชน์ในเรื่องของการเป็นทางเลือกในการระดมทุน นอกเหนือจากตลาดหุ้น ซึ่ง
เชื่อว่าการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีบทบาทอย่างมากในอนาคต แต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปคือ การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในสินทรัพย์ดิจิ
ทัล ซึ่งไทยยังขาดในเรื่องนี้ หากมีการพัฒนาในส่วนนี้อย่างจริงจังจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ รวมไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่
ที่ปกติใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ให้สามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลแทนได้
ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการเอเชียแปซิฟิกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศเตือนว่า วิกฤตความขัดแย้งระ
หว่างรัสเซียและยูเครน ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจเอเชีย โดยได้ซ้ำเติมผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สาย
พันธุ์โอมิครอน รวมถึงแนวโน้มด้านนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น
ธนาคารบาร์เคลย์สปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงเหลือ 3.3% จากเดิมคาดไว้ที่ 4.4% พร้อมย้ำ
ว่าโลกไม่น่าจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้มีการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ตาม
สมาชิกคณะกรรมการกำกับนโยบายธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ออกมาเรียกร้องในวันนี้ ให้มีการผ่อนคลายทางการเงิน
เพิ่มเติมเนื่องจากปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% นั้นยังคงอ่อนแอ ขณะที่ผลกระทบจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน
ดิบและโภคภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ นั้นมีแนวโน้มจะเป็นไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF