รมว.พาณิชย์ ติดตามเหตุรัสเซีย-ยูเครนใกล้ชิด จับตาผลกระทบส่งออก-นำเข้าไทย
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 20 พฤษภาคม 2024 เวลา 09:45:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ท่านที่มีกระทู้เยอะ เวลาอัพยกแผงทำให้กระทู้ท่านอื่นตกเร็วมากต่อไปให้อัพ ไม่เกินชั่วโมงละ 2ครั้ง/2กระทู้ นะครับ ชม.ถัดไปถึงอัพใด้อีก 2ครั้ง/2กระทู้
หากต้องการอัพแบบไม่จำกัด
คลิกที่นี่
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รมว.พาณิชย์ ติดตามเหตุรัสเซีย-ยูเครนใกล้ชิด จับตาผลกระทบส่งออก-นำเข้าไทย  (อ่าน 65 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Prichas
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12856


« เมื่อ: วันที่ 01 มีนาคม 2022 เวลา 23:16:19 »


รมว.พาณิชย์ ติดตามเหตุรัสเซีย-ยูเครนใกล้ชิด จับตาผลกระทบส่งออก-นำเข้าไทย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ประชุมติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ร่วมกับทูตพาณิชย์จากมอสโก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก พร้อมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องผ่านออนไลน์ โดยระบุว่า เป็นการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์รัสเซียกับยูเครน เพื่อติดตามมาตรการการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของ 6 ประเทศ ว่าจะมีผลกระทบอย่างไรต่อการนำเข้า-ส่งออกของไทย รวมทั้งประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อค่าขนส่งสินค้า เงินเฟ้อ และราคาสินค้าในประเทศ

ทั้งนี้ พบว่าขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกของไทย แต่สำหรับราคาน้ำมัน มีราคาสูงขึ้นแตะ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว ซึ่งยังไม่สามารถประเมินได้ว่า ราคาจะขึ้นสูงไปกว่านี้อีกหรือไม่

"ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กับกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปหารือร่วมกับภาคเอกชน และติดตามสถานการณ์ รวมทั้งประเมินสถานการณ์ร่วมกันอย่างใกล้ชิด ถ้าพบปัญหาที่จำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วน จะได้แก้ปัญหาร่วมกันในทันที และให้รายงานสถานการณ์และการประเมินสถานการณ์ให้ทราบทุกวัน" นายจุรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ดี จากการประเมินเบื้องต้นมีทั้งผลทางบวกและทางลบ ซึ่งสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง คือ เรื่องราคาน้ำมัน เพราะจะมีผลต่อต้นทุนการขนส่งและต้นทุนการผลิตสินค้า รวมทั้งราคาสินค้าในอนาคตได้ สำหรับด้านบวก เช่น สินค้าบางอย่างที่ประเทศไทยมีศักยภาพและสามารถเข้าไปทดแทนตลาดโลกที่เป็นตลาดเดิมของรัสเซียหรือยูเครนได้ หากเกิดสงครามที่ยืดเยื้อ เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งรัสเซียส่งออกไปสหรัฐฯ ปีละ 170 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,500 ล้านบาท) ต่อปี

ขณะที่ไทยก็ส่งสินค้าดังกล่าวนี้ไปสหรัฐเช่นกัน โดยมีมูลค่าประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเข้าไปทดแทนตลาดยางของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดเดิมของรัสเซียได้ในช่วงที่เกิดภาวะขัดแย้ง และยังมีสินค้าประมงที่รัสเซียส่งออกไปยังสหภาพยุโรปประมาณปีละ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีศักยภาพสามารถทดแทนตลาดสินค้าประมงในสหราชอาณาจักรหรืออังกฤษแทนที่รัสเซียได้ในช่วงที่เกิดการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบัน ไทยส่งออกสินค้าประมงไปยังสหราชอาณาจักร ปีละประมาณ 1,600 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ครบถ้วนทั้งหมด เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์เพียง 1-2 วัน ซึ่งจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป และมาตรการทั้งหมดของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับเอกชน จะมีความยืดหยุ่นในการทำให้การนำเข้าส่งออกของไทยมีเสถียรภาพ และได้รับประโยชน์สูงสุดต่อไป

ด้านกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รายงานว่า เบื้องต้นรัสเซียเป็นคู่ค้ารายสำคัญอันดับที่ 30 ของไทย ส่วนยูเครนเป็นคู่ค้ารายสำคัญอันดับที่ 63 ของไทย โดยในปี 64 การค้าระหว่างไทย-รัสเซีย มีมูลค่า 88,167 ล้านบาท ขยายตัว 14.56% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกไปยังรัสเซีย มูลค่า 32,508 ล้านบาท ขยายตัว 44.90% และนำเข้าจากรัสเซีย มูลค่า 55,660 ล้านบาท ขยายตัว 2.07%

สำหรับสินค้าที่ไทยส่งออกไปยังรัสเซีย 5 อันดับแรก คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (10,162 ล้านบาท) ผลิตภัณฑ์ยาง (3,379 ล้านบาท) เครื่องจักรกลและ ส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (1,706.9 ล้านบาท) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (1,455.6 ล้านบาท) เม็ดพลาสติก (1,380.7 ล้านบาท) เป็นต้น ส่วนสินค้าส่งออกที่มีการขยายตัวสูงในหมวดสินค้าเกษตรและอาหาร ได้แก่ ยางพารา สิ่งปรุงรส อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง

ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากรัสเซีย 5 อันดับแรก คือ น้ำมันดิบ (25,958.9 ล้านบาท) ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ (5,667.6 ล้านบาท) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ (5,568.4 ล้านบาท) สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ (5,307.4 ล้านบาท) เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ (3,350.3 ล้านบาท)

สำหรับยูเครน ในปี 64 การค้าระหว่างไทย-ยูเครน มีมูลค่า 12,428 ล้านบาท ขยายตัว 28.67% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกไปยังยูเครน มูลค่า 4,228 ล้านบาท ขยายตัว 37.36% และนำเข้าจากยูเครน มูลค่า 8,199 ล้านบาท ขยายตัว 24.60% ส่วนสินค้าที่ไทยส่งออกไปยังยูเครน 5 อันดับแรก คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (1,037.1 ล้านบาท) ผลิตภัณฑ์ยาง (671.7 ล้านบาท) ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป (542.5 ล้านบาท) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (285.3 ล้านบาท) เม็ดพลาสติก (264.3 ล้านบาท)

ส่วนสินค้าไทยนำเข้าจากยูเครน 5 อันดับ คือ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช (4,419 ล้านบาท) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (3,013.6 ล้านบาท) ไม้ซุง ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ (133 ล้านบาท) สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะ และผลิตภัณฑ์ (112.5 ล้านบาท) แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ (112.3 ล้านบาท)
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF