Decrypto: Cryptocurrency อาวุธลับต่อกรมหาอำนาจ?
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 04 พฤษภาคม 2024 เวลา 23:21:09 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: 1. อย่าเน้นข้อความด้วยอักษร หรือ เครื่องหมายพิเศษ เช่น +++, !!!,***, ((ขายด่วน)) ฯลฯ
2. อย่าเว้นวรรคตัวอักษรเพื่อเรียกร้องความสนใจ เช่น ข า ย สิ น ค้า ด่ ว น แ ล้ ว วั น นี้ ฯลฯ
3. อย่าโฆษณา Website หรือมี url ที่หัวข้อโฆษณา และในรายละเอียดรวมทั้งลายเซ็น
(มิเช่นนั้นประกาศของท่านจะเข้าข่ายผิดกฏ และ อาจถูกลบโดยมิได้แจ้งล่วงหน้า)
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Decrypto: Cryptocurrency อาวุธลับต่อกรมหาอำนาจ?  (อ่าน 56 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PostDD
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11341


« เมื่อ: วันที่ 09 มีนาคม 2022 เวลา 13:20:43 »


Decrypto: Cryptocurrency อาวุธลับต่อกรมหาอำนาจ?

จากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในปัจจุบันระหว่างยูเครนและรัสเซีย ที่รัสเซียส่งกำลังทหารเข้าโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่องมาตลอดสองสัปดาห์ เหล่าประเทศมหาอำนาจฝ่ายโลกตะวันตกนำโดยสหรัฐเมริกาและสหภาพยุโรปซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนแนวคิดแบบเสรีนิยม และเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ทำหน้าที่วางระเบียบโลกมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษก็ไม่ได้อยู่เฉย กลับได้เข้ามามีบทบาทในการตอบโต้การกระทำดังกล่าวของรัสเซีย โดยกำหนดมาตราการมากมาย เช่น สนับสนุนจัดซื้อและส่งอาวุธให้ยูเครน ห้ามเครื่องบินรัสเซียเข้าน่านฟ้า แบนสื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลรัสเซีย และการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ทั้งต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย รัฐวิสาหกิจ และธนาคารบางแห่ง อายัดสินทรัพย์ของรัสเซียในต่างประเทศ

พร้อมห้ามค้าขาย นำเข้า-ส่งออกสินค้าต่าง ๆ รวมถึงกรณีการตัดธนาคารของรัสเซียออกจากโครงข่าย "SWIFT" ซึ่งเป็นระบบสื่อสารหลังบ้านของธนาคารนับหมื่น ๆ แห่งในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก และล่าสุดกรณีที่ "VISA" และ "Master Card" ระงับการให้บริการในประเทศรัสเซีย อันเป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อระบบการเงินและการธนาคารของรัสเซียเป็นอย่างมาก

แม้จะมีมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ารัสเซียเองก็มีบทบาทสำคัญในด้านเศรษฐกิจ โดยมีทรัพยากรธรรมชาติและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของประชาคมโลกมากมาย เช่น แก๊สธรรมชาติ น้ำมัน แร่หายาก และข้าวสาลี ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประชาคมโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปยุโรป

นอกจากนี้ การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจยังได้สร้างความกังวลให้กับบรรดาเจ้าหนี้ของรัสเซียว่าอาจจะทำให้ไม่ได้รับชำระหนี้ รวมถึงได้สร้างผลกระทบต่อโครงการการลงทุนระหว่างประเทศ "Mega Projects" ต่าง ๆ ในเส้นทางสายไหม (Belt and Road Initiative) ในรัสเซียอีกมากมายหลายโครงการ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่ายังคงมีหลายฝ่ายที่อยากดำเนินการทางการค้าการลงทุนกับรัสเซียอยู่

มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการเงินสมัยเก่าซึ่งเป็นระบบการเงินแบบรวมศูนย์ (Centralized) ที่การดำเนินการทางการเงินต่าง ๆ ต้องอาศัยตัวกลาง เช่น ธนาคาร สถาบันทางการเงิน และหน่วยงานต่าง ๆ โดยเมื่อเป็นเรื่องการดำเนินการทางการเงินระหว่างประเทศแล้ว ระบบ "SWIFT" ก็จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก

โดยระบบ SWIFT (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) หรือ สมาคมโทรคมนาคมทางการเงินโลก เป็นระบบที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูลการโอนเงินระหว่างประเทศ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมของธนาคารระหว่างประเทศที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก เช่น การรับส่งข้อมูลคำสั่งซื้อ การทำการค้า การยืนยันการชำระเงิน และการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ณ ปัจจุบันมีสถาบันการเงินกว่า 11,000 แห่ง ใช้บริการชำระเงินผ่านระบบ "SWIFT" ครอบคลุมการใช้งานกว่า 200 ประเทศ

ทั้งนี้ การดำเนินการของ "SWIFT" จะถูกกำกับดูแลและควบคุมโดยคนกลาง ได้แก่ ธนาคารแห่งชาติของเบลเยียม และตัวแทนจากระบบธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารแห่งอังกฤษ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น และธนาคารกลางรายใหญ่อื่น ๆ

การตัดธนาคารของรัสเซียออกจากโครงข่าย "SWIFT" จึงเป็นตัวอย่างศึกษาที่ดีต่อกรณีประเทศมหาอำนาจสามารถเข้ามาแทรกแซงและควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงินที่ดำเนินการผ่านคนกลางได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะแตกต่างจากการระบบการเงินสมัยใหม่ที่มีการนำเทคโนโลยี "Blockchain" เข้ามาใช้ภายใต้การกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนกลางอีกต่อไป

โดยการโอน Cryptocurrency ไม่ต้องข้องเกี่ยวหรือดำเนินการผ่านธนาคาร ที่จะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในระดับระหว่างประเทศว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตร และการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม DeFi (Decentralized Finance) ที่สถานะภาพทางกฎหมายและเครดิตของผู้ทำธุรกรรม กลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้บนโลกไร้ตัวกลาง อีกทั้งปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ที่ออกมาควบคุมหรือให้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซง จนทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหลายท่านมองว่า ทั้ง Cryptocurrency และ DeFi อาจเป็นสิ่งที่จะถูกนำมาใช้เพื่อแก้เกมส์การถูกคว่ำบาตรโดยเหล่าประเทศมหาอำนาจได้

บทบาทของ Cryptocurrency และ DeFi ที่มีความสำคัญมากขึ้นภายใต้สภาวะสงครามที่ต้องการความคล่องตัวทางการเงินสูง ได้ถูกสะท้อนให้เห็นจากการที่ยูเครนได้เปิดรับบริจาค Cryptocurrency สกุลต่าง ๆ รวมถึงรัสเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเอกชนเองก็เริ่มพิจารณาใช้ Cryptocurrency และเป็นเครื่องมือในการดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์การถูกคว่ำบาตรจากระบบ SWIFT ที่เกิดขึ้น

กรณีจึงเห็นได้ว่าบทบาทความเป็นกลางของ Cryptocurrency และระบบการเงินแบบ Decentralized ที่เด่นชัดขึ้น ได้เข้ามาบั่นทอนการควบคุมระบบการเงินโดยภาครัฐและประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ จนผู้เชี่ยวชาญทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัลต่างมองว่า Cryptocurrency อาจกลายเป็นอาวุธลับเพื่อใช้ต่อกรประเทศมหาอำนาจได้เลยทีเดียว

นางสาวดุษดี ดุษฎีพาณิชย์

ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านนิติกรรมสัญญา

และอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF