พบติดโอมิครอนสะสม 2,062 ราย กทม.เยอะสุด 585 ราย เร่งทดสอบภูมิสู้เดลตา
วันที่ 4 ม.ค.65 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในประเทศไทยว่า มีการศึกษาสำคัญในแอฟริกาใต้ ทั้งคนที่ฉีดวัคซีน และไม่ได้ฉีดวัคซีนจำนวนหนึ่ง เมื่อเกิดการติดเชื้อโอมิครอน 14 วัน พบว่าคนนั้นจะมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น 14-15 เท่า โดยเฉพาะคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว เป็นไปตามทฤษฎี และมีข้อสังเกตด้วยว่าภูมิคุ้มกันที่ขึ้นมานี้ สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้ 4 เท่า แต่ไม่ใช่ทุกราย
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยนั้น กรมวิทยาศาสตร์ฯ จะรวบรวมผู้ที่ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศไทยแล้ว 2 สัปดาห์ มาเก็บตัวอย่างเลือด และนำไปทดลองว่าสามารถสู้กับเชื้อเดลตาได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะขณะนี้ เรามีตัวอย่างเชื้ออยู่แล้ว หากจริงตามนี้เท่ากับว่าการติดเชื้อโอมิครอนไม่ได้มีผลร้ายอย่างเดียว แต่ขอย้ำว่า เราไม่ได้สนับสนุนให้ไปติดเชื้อโควิด เพราะเดินออกนอกบ้านวันนี้ ยังมีความเสี่ยงติดเชื้อเดลตา เนื่องจากยังเป็นสายพันธุ์หลักถึงร้อยละ 80 ในประเทศไทย ซึ่งสายพันธุ์นี้ยังมีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชรุนแรง
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า สำหรับรายงานการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.64 – วันที่ 3 ม.ค.65 พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนสะสม 2,062 ราย รายงานเฉพาะเมื่อวันที่ 3 ม.ค.จำนวน 282 ราย โดย 5 จังหวัด ที่ติดเชื้อโอมิครอนมากสุด คือ กทม. 585 ราย กาฬสินธุ์ 233 ราย ร้อยเอ็ด 180 ราย ภูเก็ต 175 ราย ชลบุรี 162 ราย และ สมุทรปราการ 106 ราย
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า สรุปสถานการณ์ว่า 1.การระบาดของเชื้อโอมิครอน จะส่งผลให้จำนวนรวมคนติดเชื้อในประเทศไทยมากขึ้น แต่ไม่ส่งผลต่อภาพรวมการเสียชีวิต คนที่เสียชีวิตช่วงนี้เป็นการติดเชื้อก่อนหน้านี้ 2.การติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ ยังเป็นสายพันธุ์เดลต้าส่วนใหญ่ ร้อยละ 70-80 ดังนั้น ต้องระวังกลุ่ม 608 ให้มาก ยังมีโอกาสป่วยหนักและเสียชีวิต 3.การตรวจหาสายพันธุ์จะเริ่มใช้ระบบเฝ้าระวังปกติตามเกณฑ์ เพื่อประเมินสถานการณ์ไม่ตรวจทุกราย 4.มีข้อมูลการศึกษาว่าผู้ติดเชื้อบางส่วนที่ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนจะภูมิคุ้มกันที่สามารถลบล้างฤทธิ์ (Neutralization) เชื้อสายพันธุ์เดลต้าได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับวัคซีน
