แบงก์พาณิชย์เดินหน้าช่วยลูกหนี้ รอดพ้นโควิด-19 ด้านไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จช่วยลูกหนี้ 5 แสนล้าน ทีทีบีชี้ยอดลูกหนี้รับความช่วยเหลือวูบเหลือ 12% กรุงศรีฯ มียอดช่วยเหลือลูกหนี้แล้ว 13%
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารยังคงเน้นบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ธนาคารได้เริ่มการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จเพื่อช่วยให้ลูกค้าของธนาคารมีโอกาสฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 แบบยั่งยืน
ล่าสุด ธนาคาร ได้ช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้วกว่า 1.2 ล้านราย โดยมียอดสินเชื่อภายใต้โครงการช่วยเหลือ ที่เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีก่อนที่ 8.3 แสนล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีสินเชื่อที่ขอรับการช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเป็น 4.6 แสนล้านบาท หรือ 20% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก16% จากไตรมาสก่อนหน้า
ซึ่งมาจากมาตรการพักหนี้เอสเอ็มอีและรายย่อยในพื้นที่สีแดงเข้มราว 1.24 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จราว 5 แสนล้านบาท และคาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จครึ่งหนึ่งภายในสิ้นปีนี้
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ทีทีบี ได้เข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่องจากผลกระทบโควิด-19
โดยปัจจุบันมียอดสินเชื่อภายใต้มาตรการสิ้น ก.ย.2564 ราว 12% ของสินเชื่อรวม ลดลงจาก 14% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลงจากระดับ 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ ลูกค้าธุรกิจที่อยู่ภายใต้มาตรการช่วยเหลือลดจาก 16% มาอยู่ที่ 9% ของสินเชื่อธุรกิจรวม หลังลูกค้าออกจากโปรแกรมช่วยเหลือ ทั้งกลุ่มลูกค้าธุรกิจและเอสเอ็มอีขนาดเล็ก
ขณะที่ลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นจาก 13% เป็น 14% จากการที่ ธปท.ขยายโปรแกรมความช่วยเหลือจากโควิด-19
ซึ่งธนาคารยังคงติดตามดูแลลูกค้า และพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้มั่นใจว่าลูกหนี้สามารถฟื้นตัวได้ในระยะยาว
ด้าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ช่วยลูกหนี้ไปราว 13% ของสินเชื่อรวม โดยเป็นรายย่อย 3.7 แสนบัญชี และลูกค้าธุรกิจ 6 พันราย
ทั้งนี้ ธุรกิจเอสเอ็มอี ได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 25,709 ล้านบาท หรือ 7,797 ราย เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องภายใต้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูฯ ของ ธปท.
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์
