ผ้านุ่ม หอมสะอาดเหมือนใหม่ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 16 พฤษภาคม 2024 เวลา 07:31:33 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ห้ามโพสปั่นลิงก์ SEO ในส่วนของ ลายเซ็นสมาชิกเพื่อจะแสดงที่ด้านล่าง ของแต่ละข้อความที่ตอบกระทู้ เช่น คาสิโน บาคาร่า แทงบอล ฯลฯ เด็ดขาด
หากพบจะแบนสมาชิกนั้นออกจากบอร์ดทันที
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผ้านุ่ม หอมสะอาดเหมือนใหม่ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม  (อ่าน 66 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Naprapats
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11310


« เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2022 เวลา 02:42:09 »


    น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดเสื้อผ้า ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ขจัดคราบสกปรกใดๆ แต่น้ำยาปรับผ้านุ่ม คือ ตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้เสื้อผ้าของเรามีกลิ่นหอมติดทน แต่หลายคนก็ให้ความเห็นแย้งว่า ถ้าต้องการเพียงแค่กลิ่นหอม น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกหลายๆ ยี่ห้อก็สามารถให้กลิ่นหอมได้เหมือนกัน แต่นั่นเป็นความจริงที่ถูกเพียงครึ่งเดียว เคยสังเกตกันบ้างมั้ยคะว่า ผ้าที่ซักตากหรืออบแห้งแล้วเนื้อผ้ามักจะแข็งกระด้าง ไม่ค่อยหอม หรือมีกลิ่นหอมติดอยู่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น พอจะหยิบออกจากตู้มาสวมใส่ก็มักจะมีกลิ่นอับติดมาทั้งที่เพิ่งซักมาไม่นาน นั่นก็เป็นเพราะว่าไม่ได้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซักผ้านั่นเอง
 




น้ำยาปรับผ้านุ่ม จำเป็นมั้ย?
    แม้น้ำยาปรับผ้าจะไม่ได้มีคุณสมบัติในการทำความสะอาด หรือช่วยขจัดคราบสกปรก แต่น้ำยาปรับผ้านุ่มกลับมีข้อดีมากมายที่เราไม่ควรมองข้าม
    - น้ำยาปรับผ้านุ่มช่วยให้เส้นใยของผ้ามีความนุ่ม ฟูขึ้น ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ไม่ระคายเคืองผิว
    - ผ้าที่อบแห้งควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเพื่อช่วยถนอมเนื้อผ้า ลดการเสียดสีของเนื้อผ้าจนฉีกขาด หรือเกิดขุยบนเสื้อผ้า
    - น้ำยาปรับผ้านุ่มมีส่วนประกอบเป็นสารประจุบวก สามารถช่วยลดไฟฟ้าสถิตย์บนเนื้อผ้าทำให้ผ้าไม่ลีบแบนติดตัว
    - ให้กลิ่นหอมติดทนนาน ลดกลิ่นอับของเสื้อผ้าได้
 




ซักผ้ายังไงให้ผ้านุ่ม หอมสะอาดเหมือนใหม่
1. แยกเสื้อผ้าก่อนซัก 
    แยกเสื้อผ้าที่มีกลิ่นเหม็น คราบไคลที่ก่อให้เกิดกลิ่น เสื้อผ้าที่ใส่ไปนอกบ้าน กับที่ใส่อยู่ในบ้านออกจากกัน เพราะการนำมาซักรวมกันจะทำให้กลิ่นไปติดกับเสื้อผ้าตัวอื่น    และเสื้อผ้าบางประเภทก็ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม อย่างเช่น ผ้าขนหนู ผ้าอ้อมเด็ก ผ้าใยสังเคราะห์ที่ใช้ในเสื้อผ้ากีฬา ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับน้ำ เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำให้ผ้าดูดซับน้ำน้อยลง รวมถึงเสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติเคลือบกันน้ำ หรือไม่ต้องรีด

2. ควรซักผ้าให้บ่อยขึ้น 
    การเก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไว้นานๆ แบคทีเรียจะเกิดการสะสมจนเกิดกลิ่นเหม็น และการซักผ้าบ่อยๆ จะทำให้จำนวนชิ้นในการซักไม่มากจนเกินไป เสื้อผ้าไม่อัดแน่นในถังของเครื่องซักผ้า หรือกะละมังแช่ผ้า จะทำให้น้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถแทรกซึมลงในเส้นใยผ้าและทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้กลิ่นหอมติดเสื้อผ้าได้นานขึ้น และควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น  น้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีน สูตร เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ ไลฟ์เซ้นท์ ที่มีเทคโนโลยี LIFE SCENT ที่สกัดเซรั่มน้ำหอมจากดอกไม้ ช่วยให้กลิ่นหอมติดเสื้อผ้าได้ยาวยิ่งขึ้น

3. ควรตากผ้าในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
    การตกผ่านในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกเว้นระยะให้ห่าง จะช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว ลดกลิ่นอับ หากเป็นฤดูฝน หรือจำเป็นจะต้องตากผ้าในที่ร่ม ควรเปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก และควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีคุณสมบัติในการลดกลิ่นอับ อย่างเช่น น้ำยาปรับผ้านุ่มดาวนี่ สูตรเข้มข้นพิเศษสำหรับการตากผ้าในร่ม ให้ความหอมมากกว่าสูตรธรรมดาถึง 4 เท่า และยังต่อต้านกลิ่นอับชื้น และกลิ่นอับจากการตากผ้าในร่มอีกด้วย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF