พิมพ์หน้านี้ - ไวรัส RSV คืออะไร วิธีป้องกันและการรักษา

WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND

Market Board - บอร์ดซื้อขาย => ตลาดนัด online 24 ชม => ข้อความที่เริ่มโดย: Hanako5 ที่ วันที่ 19 มกราคม 2022 เวลา 12:57:03



หัวข้อ: ไวรัส RSV คืออะไร วิธีป้องกันและการรักษา
เริ่มหัวข้อโดย: Hanako5 ที่ วันที่ 19 มกราคม 2022 เวลา 12:57:03
ในฤดูฝนต้องเผชิญกับฝนและแสงแดด สำหรับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเล็ก สภาพอากาศดังกล่าวอาจนำไปสู่ความหนาวเย็น และหากเป็นหวัดก็มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัส RSV  (https://dawncontent.com/%e0%b8%97%e0%b9%8d%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81-rsv-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3-%e0%b8%ad/)เผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "ปลายฤดูฝน" เดิมทีประเทศไทยเป็นประเทสที่ร้อนอบอ้าว จึงทําให้หนาวได้ไม่นาน

สำหรับพ่อแม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ "ลูก" และการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราต้องพยายามหาอะไรกินดี ๆ เสื้อผ้าสะอาดๆ ให้เขากิน และของใช้สำหรับเด็กเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง(https://dawncontent.com/wp-content/uploads/2021/10/เด็กทารก-หลับ.jpg) ไวรัส RSV คืออะไรจริง ๆ แล้วไวรัสRSVมีมาตั้งแต่พ.ศ.2498แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก ซึ่งไวรัสนี้เกิดจากลิงชิมแปนซีตัวนึงที่เป็นไข้หวัด ก่อนจะตรวจพบว่าไวรัสนั้นสามารถติดต่อมาสู่คนได้ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ และจะมีอาการรุนแรงมากในเด็กอายุน้อย ซึ่งอาจจะเกิดจากไข้หวัดธรรมดาและพัฒนาไปเป็นRSVอาการ RSV มีระยะฟักตัว 3 ถึง 6 วัน โดยอาการจะเริ่มต้นด้วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือปอดบวม และค่อยๆ กลายเป็นอาการปกติมากขึ้น ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น หายใจลำบาก หายใจเร็วและแรง-มีอาการตัวเขียว ไอมีเสมหะในลำคอ เป็นต้น ไวรัสนี้เป็นอันตรายต่อเด็กที่เป็นโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจและปอด โรคหอบหืด บางคนอาจมีอาการรุนแรงและหยุดหายใจเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ คุณควรไปพบแพทย์หากลูกของคุณมีอาการเซื่องซึม รับประทานอาหารน้อย ปริมาณน้ำนมน้อย อารมณ์แปรปรวน และไม่มีความสุขวิธีการรักษา ขณะนี้ยังไม่มีวิธีรักษาโรค RSV และยังคงต้องรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ หรือการดูดยาขยายหลอดลมเพื่อลดความรุนแรงของไข้ได้บ้าง วิธีการป้องกัน การป้องกันการติดเชื้อ RSV คุณสามารถทำเช่นนี้ได้โดยการรักษาร่างกายให้สะอาด โดยเฉพาะมือ ซึ่งเป็นอวัยวะที่สัมผัสกับสิ่งต่างๆ โดยตรง ล้างมือบ่อยๆและสวมหน้ากาก