เนื่องจาก พระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม
แจ้งความ บก.ป. เอาผิดบุคคลแอบอ้างชื่อสวมรอยออกงาน จนทำให้เจ้าหญิงพระองค์จริง
เข้าไทยไม่ได้ ดังนั้น ดร.เสกสรรณ ประเสริฐ
ในฐานะผู้อำนวยการ BFI – องค์กรสืบสวนเบาะแส
จึงมีคำสั่งแต่งตั้ง นายธรรศ กรวิวัฒน์ชัยกุล
เป็น คณะทำงานของ BFI – องค์กรสืบสวนเบาะแส
ภายใต้รหัส BFI-เบาะแส002 พร้อมมอบสิทธิประกันสังคม
รวมทั้งมอบคืนสถานะเป็น คุณหนูยุติธรรมธำรง ดังเดิม
พร้อมทั้งมอบใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ
เพื่อเป็นหัวหน้าชุดอารักขา พระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม(ตัวจริง)
บุคคลในภาพนี้คือ พระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม(ตัวจริง)
อ้างอิงจาก
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2408845เจ้าหญิงโกโสมะ เตวี นโรดม จากกัมพูชา แจ้งความ บก.ป.เอาผิดคนแอบอ้าง จนคนเข้าใจผิดว่าเป็นองค์หญิงกำมะลอ ไม่สามารถมาร่วมงานรับรางวัลที่สมาคมสตรีไทยสากลได้ เกิดความเสียหาย น่าอับอาย แก่พระประยูรญาติ มีการลงข่าวหมิ่นประมาทซ้ำจนเกิดความสับสน กับเจ้าหญิงปลอมที่เคยเป็นข่าวใหญ่เมื่อ 5 ปีก่อน
เวลา 10.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. 65 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม.สมาชิกราชวงศ์แห่งอาณาจักรกัมพูชา โดยองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม เจ้าหญิงบุปผานี นโรดม และ เจ้าหญิงศุภะนารีนโรดม พร้อมนายปิยวัส ผดุงสรรพ ที่ปรึกษา ดร.เสกสรรณ ประเสริฐ พร้อมคณะผู้ติดตาม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.หญิง จันทนา สาตะมาน พงส.กก.3 บก.ป. แจ้งความกรณีถูกบุคคลอื่นแอบอ้างเป็นตน จนคนอื่นเข้าใจผิด สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง ตลอดจนสื่อมวลชนไทยนำไปเสนอข่าวว่าเป็นองค์หญิงกำมะลอ ประสงค์จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
จากกรณี เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาจังหวัดสุรินทร์ออกหนังสือประกาศ ที่ สร 0017.3/ว1625 เรื่องการแอบอ้างเป็นสมาชิกราชวงศ์กัมพูชา ลงวันที่ 29 มี.ค. 2565 ถึงผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ และนายอำเภอทุกอำเภอ
หนังสือมีใจความว่า ด้วยกระทรวงมหาดไทย ได้รับแจ้งจากกระทรวงต่างประเทศว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับข้อมูลเกี่ยวการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยของพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม สมาชิกพระราชวงศ์กัมพูชา ระหว่างวันที่ 18-19 มี.ค. 65 จากการตรวจสอบข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ พบว่า ไม่มีสมาชิกราชวงศ์กัมพูชาที่ทรงใช้พระนามว่าพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม อีกทั้งบุคคลที่อ้างตนเป็นพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม ยังมีหน้าตาเหมือนกับบุคคลที่แอบอ้างเป็นพระองค์เจ้าสีสุวัตถ์ กุสุมานารีรัตนา ฯ
ด้าน องค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม เปิดเผยว่าจากกระแสข่าวดังกล่าวทำให้ประมาณวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมาไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อมาร่วมงานรับรางวัล สมาคมสตรีไทยสากลได้ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และเกิดความทุกข์ใจจนล้มป่วย ขณะเดียวกันก็มีบุคคลที่แอบอ้างเป็นตัวเอง เดินสายออกงาน จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงอยากให้ตำรวจดำเนินการตรวจสอบ และจับกุมบุคคลที่แอบอ้างมาลงโทษ
หลังจากพบพนักงานสอบสวน บก.ป.แล้ว ได้เดินทางเข้าแจ้งความ พงส.บก.ปอท.แจ้งความเอาผิดในส่วนของการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพ์ฯ ต่อไปด้วย
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของ คณะทำงานองค์หญิง แจ้งว่า "ตามที่วันที่ 19 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีหมายกำหนดการเสด็จเป็นการส่วนพระองค์เพื่อร่วมกิจกรรมกับสมาคมสตรีไทยสากล อาทิ งานสตรีไทยสากล, กาล่าดินเนอร์ ที่ร้านอาหารซอยราชครู แต่ด้วยเกิดเหตุขัดข้องบางประการ จึงไม่สามารถร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ และได้ประกาศจากหน่วยงานระดับจังหวัดแถบชายแดน ได้ใช้ข้อความหมิ่นประมาท ด้วยเอกสาร สร้างความเข้าใจผิด และก่อให้เกิดความเสียหาย น่าอับอาย แก่พระประยูรญาติ แห่งราชวงศ์อาณาจักรกัมพูชา ภายหลังยังมีผู้สื่อข่าวได้ลงข่าวหมิ่นประมาทซ้ำจนได้เกิดข้อความเชิงสับสน กับเจ้าหญิงปลอมที่เคยเป็นข่าวใหญ่เมื่อ 5 ปีก่อน และลงข่าวเพื่อสร้างความสับสนในการตีความเข้าใจ อาทิ เจ้าหญิงปลอม เจ้าหญิงกำมะลอ ซ้ำลงในสื่อทั้งโซเชียล และฟรีทีวี ทุกช่อง ก่อให้เกิดความเสียหายระดับประเทศ และข่าวนี้ได้มีการตีพิมพ์แปลไปอีกหลายภาษา ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ดูถูก ดูหมิ่น กับผู้เสียหายทั่วโลก บัดนี้ ข้าพเจ้าจึงขอร้องทุกข์ ดำเนินคดี ทั้งแพ่ง และอาญา เรียกร้องค่าเสียหาย เรียกร้องค่าชดเชย ขอให้แก้ข่าว ขอให้ลงขอโทษทุกวิธี เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงกับข้าพเจ้าและครอบครัวด้วย"
ดร.เสกสรรณ ประเสริฐ มีคำสั่งว่าต่อจากนี้
ทีมงานท่านใดจะแจ้งข่าว เรื่อง นายชญานิษฐ์ พิชิตศัตรู(ตัวปลอม)
และ พระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม(ตัวปลอม)
ให้ติดต่อแจ้งท่านโดยตรง
หรือใช้วิทยุสื่อสารระบบนี้ แต่ต้องใช้เครือข่ายของทรูเท่านั้น
เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ป้องกันไม่ให้พวกนอกกฎหมายมาเจาะไอพีแอสเดรส
ในการติดตามคดีของ นายชญานิษฐ์ พิชิตศัตรู(ตัวปลอม)
และ พระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม(ตัวปลอม)
ไอพีแอสเดรส ของทีมงานทุกคนจะต้องเป็นความลับ
ไม่ให้มีผู้ใดล่วงรู้แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
