'กบข.' ชี้ ศก.โลก Q4 แนวโน้มโตชะลอตัวลง ห่วง Supply Chain Disruption 
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 29 เมษายน 2024 เวลา 15:00:54 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เตือนเพื่อนสมาชิก ระวัง นาย ธนันท์ วงค์วัฒนามงคล หลอกลวงสมาชิกที่ลงหาของในเวปโดยอ้างว่ามีสินค้าขายในราคาถูกและให้โอนเงินแต่ไม่ส่งสินค้าให้ โดยขณะนี้มีผู้ถูกหลอกหลายราย เบอร์โทรที่ใช้ 088-9526897 บัญชี ธ.ทหารไทย 2152261794/ ธ.กสิกรไทย 8530024230
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 'กบข.' ชี้ ศก.โลก Q4 แนวโน้มโตชะลอตัวลง ห่วง Supply Chain Disruption   (อ่าน 151 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Cindy700
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13424


« เมื่อ: วันที่ 19 ตุลาคม 2021 เวลา 13:18:21 »


กบข.มองไตรมาส 4 เศรษฐกิจโลกขยายตัวเป็นบวกแต่ชะลอตัวลง เหตุจากโควิด ส่งผลให้ปัญหา Supply Chain Disruption ยืดเยื้อ เพิ่มความกังวล Stagflation นักลงทุนทยอยลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างระมัดระวังให้สอดคล้องตามสถานการณ์เศรษฐกิจ

ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวกแต่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 4 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ทำให้เกิดปัญหา Supply Chain Disruption (ห่วงโซ่อุปทานเกิดภาวะชะงักงัน) ทั้งในภาคผลิต ภาคบริการ และตลาดแรงงาน มีความยืดเยื้อมากขึ้น และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินกว่าการคาดการณ์ทั่วไปรวมถึงเป้าหมายเสถียรภาพราคาของธนาคารกลางหลักๆ

ขณะเดียวกันยังสร้างความกังวล Stagflation (ภาวะที่อัตราเงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจไม่ขยายตัว) ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศขนาดใหญ่เริ่มมีท่าทีเข้มงวด รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่เริ่มแสดงประมาณการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในปีถัดๆไป เร็วกว่าที่ตลาดประเมิน นอกจากนี้ความเข้มงวดของรัฐบาลจีนในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และปัญหาหนี้ภาคธุรกิจในจีนได้สร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกในระยะสั้น

อย่างไรก็ดีจากความเสี่ยงต่างๆข้างต้น จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง แต่จะไม่ชะงักงัน ทำให้ความน่าจะเป็นที่จะเกิดภาวะ Stagflation ยังมีไม่มากนัก อย่างไรก็ดี หลายภาคส่วนต้องใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่าที่คาด เพื่อกลับเข้าใกล้เคียงระดับปกติ พิจารณาจากหลายองค์ประกอบ เช่น อัตราผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดแต่ละระลอกที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรได้เป็นส่วนใหญ่ และการเร่งฉีดวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนาในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา แนวโน้มการเคลื่อนที่ (Mobility Trends) ของผู้คนทั่วโลกที่โดยรวมแล้วทรงตัวได้ค่อนข้างดีท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกหลัง ความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อโลกและเศรษฐกิจหลักที่เริ่มทรงตัว แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง เป็นผลมาจากปัญหาด้านอุปทานตึงตัวที่น่าจะผ่อนคลายขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ดีขึ้น แม้ว่ายังมีความกังวลจากการปรับตัวกลับเข้าใกล้ภาวะปกติที่ต้องใช้เวลาพอสมควรของการผลิตสินค้าที่ต้องใช้ semiconductor ที่กำลังขาดตลาด และผลจากอุปสงค์โลกโดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีแนวโน้มชะลอลง สอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจที่การขยายตัวถึงจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ที่ผ่านมา

ส่วนประเด็นเศรษฐกิจจีนนั้น กบข.ประเมินว่าการดำเนินการเข้มงวดด้านนโยบายและจัดระเบียบในหลายๆอุตสาหกรรม (Regulatory Crackdown) เพื่อความยั่งยืนและความมั่งคั่งรวมกัน ( Common Prosperity)ยังคงมีต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงในระยะยาว แม้ว่าจะมีผลกระทบเชิงลบระยะสั้น และจากปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง Evergrande กบข.คาดว่ารัฐบาลจีนอาจมีการเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งธนาคารกลางจีน (PBoC) เสริมสภาพคล่องในช่องทางต่าง ๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระบบการเงิน

สำหรับเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าประเทศคู่ค้า แต่เชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะไม่กลับมารุนแรง อีกทั้งดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) อาจกลับมาเกินดุลได้ในปี 2565 หลังการเปิดประเทศในช่วงปลายปี 2564

ADVERTISEMENT


ขณะที่ด้านมุมมองต่อการลงทุนและจัดสรรสินทรัพย์ การทยอยลดสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตราสารทุนอย่างระมัดระวังมีความเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้าลงต่อเนื่อง ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และนโยบายของ Fed ที่จะทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าในระบบ อย่างไรก็ดี ระบบการเงินยังมีสภาพคล่องในระดับสูงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวก หนุนให้คงระดับการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงไม่ต่ำกว่าสัดส่วนผลประเมินความเหมาะสมในการรับความเสี่ยงของนักลงทุน (Suitability Test) รวมทั้งการถือครองสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงมีประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่มีสัญญาณผ่อนคลายได้

นอกจากนี้ กบข.คาดว่า อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอายุ 10 ปีของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ณ สิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 1.6% ซึ่งประเมินจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ติดลบในปัจจุบัน อยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง ส่วนค่าเงินบาท กบข. ประเมินว่าช่วงที่เหลือของปี 2564 แกว่งตัว แต่จะอ่อนค่าได้ไม่น่าเกินประมาณ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้เมื่อเข้าสู่ครึ่งแรกของปี 2565 จากการที่หลายประเทศตลาดเกิดใหม่น่าจะกลับมาฟื้นตัวและขยายตัวได้ดีกว่าประเทศตลาดเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF