เรื่องน่ารู้ด้านอารมณ์ร่วมและการลงโทษแข้งของ รังนิค
WWW.HAMSIAM.IN.TH # แฮมสยามอินไทยแลนด์ HAM COMMUNITY OF THAILAND
วันที่ 26 เมษายน 2024 เวลา 12:57:13 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: 1. อย่าเน้นข้อความด้วยอักษร หรือ เครื่องหมายพิเศษ เช่น +++, !!!,***, ((ขายด่วน)) ฯลฯ
2. อย่าเว้นวรรคตัวอักษรเพื่อเรียกร้องความสนใจ เช่น ข า ย สิ น ค้า ด่ ว น แ ล้ ว วั น นี้ ฯลฯ
3. อย่าโฆษณา Website หรือมี url ที่หัวข้อโฆษณา และในรายละเอียดรวมทั้งลายเซ็น
(มิเช่นนั้นประกาศของท่านจะเข้าข่ายผิดกฏ และ อาจถูกลบโดยมิได้แจ้งล่วงหน้า)
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องน่ารู้ด้านอารมณ์ร่วมและการลงโทษแข้งของ รังนิค  (อ่าน 117 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Naprapats
Super Hero Member III
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11310


« เมื่อ: วันที่ 28 พฤศจิกายน 2021 เวลา 16:51:06 »


นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องแท็กติกและการวางโครงสร้างทีมแล้วนั้น ราล์ฟ รังนิค ยังโด่งดังเรื่องการมีอารมณ์ร่วมกับเกมลูกหนังสูง รวมถึงเรื่องการลงโทษที่เข้มงวดในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมของเขามีผลงานที่โดดเด่นระดับหนึ่งในช่วงที่ผ่านมา

    แน่นอนว่าแฟน. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายคนหวังว่า รังนิค จะสามารถนำสิ่งนั้นมาใช้กับทีมได้ เมื่อถึงเวลาที่เขาเข้ามาคุมทีมเป็นการชั่วคราว รวมไปถึงตอนที่เขาขึ้นไปเป็นที่ปรึกษาที่จะช่วยกำหนดโครงสร้างของสโมสรในภายภาคหน้า ซึ่งวันนี้เรามีตัวอย่างของเรื่องอารมณ์ร่วมและการลงโทษของเขามาให้ได้ชมกันสักหน่อย

    - ปิดไฟปลุกใจ
    บางครั้งการจะแก้สถานการณ์ให้ทีมได้นั้นมันก็จำเป็นต้องใช้การพูดปลุกใจในช่วงพักครึ่งที่ดี ตามทฤษฎีแล้วนั้นมันฟังดูเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่หากพูดถึงในทางปฏิบัติแล้วล่ะก็ มันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถปลุกใจลูกทีมให้เกิดความฮึกเหิมสำหรับการสู้ถวายชีวิตในช่วงครึ่งหลังได้


 

เรื่องน่ารู้ด้านอารมณ์ร่วมและการลงโทษแข้งของ รังนิค


    อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่ง รังนิค เคยปลุกใจนักเตะ ไลป์ซิก ในห้องแต่งตัว โดยเริ่มจากการพูดว่า "เราจะสามารถพล่ามอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ, คนอื่นก็สามารถพูดอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ พวกแกแค่ต้องทำมันเท่านั้น" จากนั้นเขาก็เดินไปปิดไฟหน้าตาเฉย


    "ยืนขึ้น ยืนขึ้นมา" คือประโยคต่อมาของเขาที่มาพร้อมๆ กับไฟในห้อง ก่อนที่เขาจะพูดว่า "ฉันอยากเห็นว่าอะไรคือสาเหตุในการสู้ของเรา ฉันต้องการให้คนที่ลงไปในสนามคือกองทัพที่เต็มไปด้วยนักรบ ใช่ ตอบโต้ไปด้วยทุกอย่างที่พวกแกมี เพราะสถานที่ที่เราอยากไปให้ถึงน่ะมันไม่ใช่สิ่งที่จะไปถึงได้แบบฟรีๆ ดังนั้นลงไปและเอาสิ่งที่พวกแกต้องการมาเป็นของพวกแกซะ"

    - กงล้อนำโทษ
    มันเป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละสโมสรจะมีการออกบทลงโทษเวลาที่นักเตะทำเรื่องผิดแบบร้ายแรง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเวลาออกบทลงโทษก็จะเป็นการออกคำสั่งตามแบบปกติ แต่มีบางสโมสรที่จะใช้วิธีแบบแหวกแนวออกไป อย่างเช่นการทำกงล้อสุ่มบทลงโทษ

 

เรื่องน่ารู้ด้านอารมณ์ร่วมและการลงโทษแข้งของ รังนิค
 

    ไลป์ซิก ในสมัยของ รังนิค ก็เคยทำแบบนั้นเหมือนกัน โดยบทลงโทษจากกงล้อเสี่ยงดวงของเขานั้นมีอย่างเช่น ไปทำงานในร้านขายของประจำสโมสร, ไปเสิร์ฟอาหารในโรงอาหาร, พาคนทัวร์สนามแข่ง, ซื้อของขวัญให้สตาฟฟ์, ซ้อมในสภาพที่ใส่ชุดตูตู หรือชุดที่มักจะใช้กันในการเต้นบัลเล่ต์ และการตัดหญ้าในสนามซ้อม

    - ฟ้องด้วยมือถือ
    ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2017-18 ตอนนั้น รังนิค เป็นผู้อำนวยการกีฬาให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก โดยกุนซือของทีมในตอนนั้นคือ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิ่ล ซึ่งในรอบ 2 ของศึก เดเอฟเบ-โพคาล ไลป์ซิก ถูกจับไปชนกับ บาเยิร์น มิวนิค ทีมยักษ์ใหญ่ร่วมเวที บุนเดสลีกา และหลายคนก็ยกให้นี่เป็นบิ๊กแมตช์ เพราะเมื่อ 1 ซีซั่นก่อนหน้านั้น "เสือใต้" คือแชมป์ บุนเดสลีกา ส่วน ไลป์ซิก เป็นรองแชมป์ลีก

 

เรื่องน่ารู้ด้านอารมณ์ร่วมและการลงโทษแข้งของ รังนิค
 

    ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของนัดดังกล่าวมีอยู่จังหวะหนึ่งที่กรรมการเหมือนจะให้ ไลป์ซิก ได้ลูกจุดโทษ ก่อนจะเปลี่ยเป็นแค่ลูกฟรีคิก ซึ่งชอตนี้ทำเอา รังนิค หัวเสียมากๆ จนถึงขนาดที่ว่าพอกรรมการเป่านกหวีดจบครึ่งแรกแล้วนั้น เขาก็ตรงลงไปในสนามหญ้าพร้อมกับโทรศัพท์มือถือคู่ใจ และพยายามจะเอาไปให้กรรมการดูว่าเขาตัดสินพลาด


    แน่นอนว่าชอตนี้ทำให้นักเตะ บาเยิร์น บางส่วนไม่พอใจมากๆ อย่างเช่น มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ที่มีปากเสียงกับ รังนิค ในระดับหนึ่ง ขณะที่ นาบี เกอิต้า ซึ่งตอนนั้นอยู่กับ ไลป์ซิก ก็พยายามจะเข้าไปสงบสติอารมณ์ รังนิค โดยสุดท้ายเกมนั้น ไลป์ซิก ก็ตกรอบจากการแพ้ในช่วงดวลเป้า 4-5 หลังจากจบ 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ส่วนชอตที่เขาพยายามฟ้องนั้น หลายคนมองว่ากรรมการตัดสินถูกแล้ว
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เริ่มนับสถิติตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2556 เวลา 18.24.52 น. (วันและเวลาตอนเปิดเว็บ)
รวมเพ็จวิวทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ free counter ครั้ง

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF